-->

🚚จัดส่งฟรี !! เมื่อซื้อสินค้าครบ ฿1000 ขึ้นไป‼🚚

พิเศษ สั่งซื้อสินค้า ฿5000 ขึ้นไป สามารถ ผ่อนชำระบัตรเครดิต
สูงสุด 0% | 10 เดือน !!!

สั่งของได้ ส่งของได้ตามปกติค่ะ ^^

พลาสติกคลุมโรงเรือนใช้ได้กี่ปี ดูยังไงว่าใกล้หมดอายุ

พลาสติกคลุมโรงเรือนคือหัวใจของระบบปลูกพืชยุคใหม่ เพราะช่วยควบคุมทั้งแสง ความร้อน และความชื้นให้เหมาะกับพืชแต่ละชนิด แต่คำถามที่คนทำเกษตรแทบทุกคนอยากรู้คือ “พลาสติกคลุมโรงเรือนใช้ได้กี่ปี” เพราะหลายฟาร์มใช้ได้เพียงปีสองปีก็เริ่มขุ่น เหลือง หรือเปราะแตก ในขณะที่บางฟาร์มกลับใช้ได้นานถึงห้าปีโดยไม่ต้องเปลี่ยน

ความแตกต่างนั้นมาจากหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพของพลาสติก วิธีติดตั้ง และสภาพอากาศในพื้นที่ การเข้าใจหลักการเหล่านี้จะช่วยยืดอายุพลาสติกเกษตรของคุณได้มากกว่าที่คิด

พลาสติกคลุมโรงเรือนคืออะไร

พลาสติกคลุมโรงเรือนเป็นวัสดุที่ทำจากโพลีเอทิลีน (PE) มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและทนแดด ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้แสงผ่านในปริมาณที่เหมาะสม ลดความร้อนจากแสงแดดตรง และป้องกันฝน ลม และแมลงได้ในเวลาเดียวกัน

ในประเทศไทยที่มีแดดแรงตลอดปี พลาสติกคลุมโรงเรือนจึงจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับพืชที่ต้องการแสงอ่อนอย่างผักสลัด กล้วยไม้ หรือไม้ประดับต่างๆ

พลาสติกคลุมโรงเรือนอยู่ได้นานแค่ไหน

อายุการใช้งานของพลาสติกเกษตรขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ถ้าเป็นพลาสติกทั่วไปที่ไม่มีสารป้องกันรังสี UV มักอยู่ได้เพียง 1–2 ปี ก่อนจะเริ่มกรอบและแตก แต่ถ้าเป็นพลาสติกคลุมโรงเรือนเกรดดีที่มีสาร UV Stabilizer จะอยู่ได้ถึง 3–5 ปีเต็ม

สาเหตุที่พลาสติกเสื่อมเร็วส่วนใหญ่เกิดจากรังสี UV ทำลายโครงสร้างของเนื้อพลาสติกให้กรอบแตกเมื่อโดนแดดต่อเนื่องทุกวัน การเลือกพลาสติกที่มีสารป้องกัน UV จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศที่มีแสงแรงอย่างไทย

ปัจจัยที่ทำให้พลาสติกเสื่อมเร็ว

พลาสติกคลุมโรงเรือนอาจเสื่อมเร็วกว่าที่ควรหากไม่ได้เลือกหรือใช้อย่างเหมาะสม เช่น การใช้พลาสติกที่บางเกินไป ทำให้โดนลมแรงหรือฝนหนักจนขาดง่าย การติดตั้งที่ตึงเกินไปจนพลาสติกเกิดแรงดึงตลอดเวลา หรือการขึงไม่แน่นจนเกิดการสั่นไหวทุกวันก็ทำให้พลาสติกฉีกได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ ฝุ่นและคราบน้ำที่เกาะบนผิวพลาสติกนานๆ จะทำให้แสงผ่านได้ไม่เต็มที่และเกิดการสะสมความร้อนภายในโรงเรือน ส่งผลให้พืชโตช้าลงและพลาสติกเสื่อมเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

สัญญาณว่าพลาสติกคลุมโรงเรือนเริ่มหมดอายุ

ถ้าพลาสติกที่เคยใสเริ่มขุ่นหรือออกสีเหลือง นั่นคือสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าเนื้อพลาสติกเริ่มเสื่อมแล้ว
เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าพื้นผิวเริ่มกรอบ หรือบางจุดเริ่มแตกเป็นเส้นใยเล็กๆ โดยเฉพาะด้านที่โดนแดดจัดตลอดเวลา
หากเริ่มเห็นรูรั่วขนาดเล็กหรือรอยฉีกตรงมุมยึด ควรรีบซ่อมทันที เพราะเมื่อโดนลม แผลเหล่านั้นจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
อีกสัญญาณหนึ่งที่สังเกตได้คือพืชในโรงเรือนเริ่มใบเหลืองหรือโตช้ากว่าปกติ ซึ่งมักเกิดจากแสงที่ผ่านเข้ามาไม่สม่ำเสมอเพราะพลาสติกหมดสภาพ

วิธีเลือกพลาสติกคลุมโรงเรือนให้คุ้มค่าและใช้ได้นาน

เวลาซื้อพลาสติกคลุมโรงเรือน ควรดูให้แน่ชัดว่าผลิตจากพลาสติกเกษตรแท้ มีความหนาไม่น้อยกว่า 150 ไมครอน และระบุเปอร์เซ็นต์การกรองแสงชัดเจน
พลาสติกที่ดีจะมีสารกันยูวีในเนื้อวัสดุ ไม่ใช่เคลือบเฉพาะผิว เพราะแบบเคลือบจะเสื่อมเร็วกว่ามาก
สีของพลาสติกก็สำคัญ สีใสจะช่วยให้แสงผ่านได้มาก เหมาะกับพืชที่ต้องการแสง ส่วนสีขาวขุ่นจะช่วยกระจายแสงให้ทั่ว เหมาะกับพืชใบอ่อนหรือไม้ดอกที่ต้องการแสงนุ่มกว่า
ถ้าต้องติดตั้งในพื้นที่ที่ลมแรง ควรเลือกพลาสติกแบบหนา และยึดกับโครงเหล็กหรือท่อพีวีซีให้แน่นเพื่อป้องกันการขาดจากแรงลม

วิธีดูแลพลาสติกคลุมโรงเรือนให้ใช้ได้นานที่สุด

การดูแลง่ายๆ อย่างการล้างฝุ่นออกจากพลาสติกทุกเดือน จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างเห็นผล เพราะฝุ่นที่เกาะจะดูดซับความร้อนและทำให้เนื้อพลาสติกกรอบไวขึ้น
ควรตรวจเช็กขอบยึดทุกฤดูกาล ถ้ามีรอยฉีกเล็กให้ซ่อมทันทีด้วยเทปเกษตรหรือแผ่นปะเฉพาะทาง และหลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมหรือโลหะขูดบนผิวพลาสติกโดยตรง
หากอยู่ในพื้นที่ที่มีพายุหรือลมแรง ควรมีตาข่ายกันลมเพิ่มเติมเพื่อลดแรงกระแทกจากด้านนอก

สรุป

โดยทั่วไปแล้ว พลาสติกคลุมโรงเรือนคุณภาพดีที่มีสารกันยูวีสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 3–5 ปี
แต่ถ้าเป็นพลาสติกทั่วไปที่ไม่มีสาร UV อายุจะสั้นลงเหลือเพียง 1–2 ปีเท่านั้น
ดังนั้นการเลือกพลาสติกคลุมโรงเรือนจึงเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะช่วยลดต้นทุนการเปลี่ยนบ่อย และทำให้พืชในโรงเรือนเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอกสุวรรณการเกษตร

ผู้เชี่ยวชาญด้าน เกษตรโรงเรือน อุปกรณ์โรงเรือน พลาสติกโรงเรือน พลาสติกปูบ่อ มานานกว่า 30 ปี
เราได้รับความวางใจโดยเกษตรกรทั่วไทย มามากกว่า 100,000 ราย

สารบัญ