อากาศในบ้านของคนเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นควันและมลพิษจากของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นสีทาผนัง น้ำยาทำความสะอาด หรือควันจากการทำอาหาร การมี พืชฟอกอากาศ ไว้ในบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ทั้งสวยและมีประโยชน์ เพราะต้นไม้เหล่านี้สามารถดูดซับสารพิษและเพิ่มออกซิเจนให้ภายในบ้านได้ตลอดวัน
สิ่งสำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่มากหรือแสงจัด เพราะมีหลายชนิดที่เป็น ต้นไม้ปลูกในร่ม ดูแลง่าย เหมาะกับบ้านและคอนโดในเมือง โดยเฉพาะถ้าใช้วัสดุเกษตรอย่าง กระถางระบายอากาศดี พลาสติกคลุมดิน หรือสแลนกันแดดบางส่วน ก็สามารถช่วยให้พืชเหล่านี้เติบโตได้ดีในอากาศร้อนของไทย
1. ลิ้นมังกร (Sansevieria)

ลักษณะและจุดเด่น:
ลิ้นมังกรเป็นไม้ใบเดี่ยวตั้งตรง ใบแข็งแรงและมีลวดลายคล้ายเกล็ดงู ถือเป็น พืชฟอกอากาศในบ้าน ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะมีความสามารถในการดูดซับสารพิษและคายออกซิเจนตอนกลางคืน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวางในห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องแอร์ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีและเสริมความเป็นสิริมงคลในบ้าน
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกในกระถางขนาดกลางที่มีรูระบายน้ำ ใช้ดินร่วนผสมทรายเพื่อป้องกันน้ำขัง เพราะลิ้นมังกรไม่ชอบดินแฉะ
วางในบริเวณที่มีแสงรำไร เช่น ริมหน้าต่าง หรือมุมห้องที่มีแสงสะท้อน
ควรรดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1–2 ครั้งก็เพียงพอ
ราคา:
ต้นเล็กเริ่มต้น 60–120 บาท
ต้นใหญ่ตกแต่งห้องประมาณ 250–500 บาท
2. พลูด่าง (Epipremnum aureum)

ลักษณะและจุดเด่น:
พลูด่างเป็นไม้เลื้อยที่มีใบรูปหัวใจ สีเขียวแซมเหลืองอ่อน ปลูกได้ง่ายและโตไวมาก เหมาะกับคนไม่มีเวลา เพราะแม้ขาดน้ำหลายวันก็ยังอยู่ได้ดี ช่วยดูดซับสารพิษจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกได้ทั้งในดินและในน้ำ หากปลูกในดินให้ใช้ดินร่วนผสมขุยมะพร้าวเพื่อให้รากเดินดี
ตั้งในที่มีแสงรำไรหรือแดดครึ่งวัน หากอยู่กลางแจ้งควรใช้ สแลนกรองแสง 60% ป้องกันใบเหลืองไหม้
สามารถปล่อยให้เลื้อยตามผนังหรือแขวนลงจากชั้นวางได้
ราคา:
ต้นเล็กกระถาง 4 นิ้ว 40–80 บาท
แบบกระถางแขวน 150–300 บาท
3. เขียวหมื่นปี (Aglaonema)

ลักษณะและจุดเด่น:
เขียวหมื่นปีเป็นไม้ใบสีเขียวลายสวย มีหลายพันธุ์ เช่น เขียวหมื่นปีแดง เขียวหมื่นปีขาว จุดเด่นคือสามารถปรับตัวได้ดีในพื้นที่แสงน้อย เหมาะกับการวางตกแต่งในห้องทำงานหรือมุมห้องรับแขก ให้ความรู้สึกสงบและเย็นสบาย
วิธีการปลูกและดูแล:
ใช้ดินร่วนผสมขุยมะพร้าวกับปุ๋ยคอกเล็กน้อย รดน้ำทุก 2–3 วัน
ชอบอากาศชื้นเล็กน้อย ไม่ชอบแดดแรง
หากปลูกในกระถาง ควรปู พลาสติกคลุมดินเกษตร เพื่อเก็บความชื้นและลดการระเหยของน้ำ
ราคา:
ต้นเล็กเริ่มต้น 70–150 บาท
ต้นใหญ่หรือตกแต่งบ้าน 300–600 บาท
4. เดหลี (Spathiphyllum)

ลักษณะและจุดเด่น:
เดหลีเป็นไม้ใบสีเขียวเข้มที่ให้ดอกสีขาวบริสุทธิ์ตลอดปี ดอกของเดหลีดูอ่อนโยนและสงบ เหมาะกับการวางในห้องทำงาน ห้องน้ำ หรือห้องนอน มีคุณสมบัติช่วยดูดฝุ่นละอองและคายความชื้น ทำให้บรรยากาศในห้องสดชื่นขึ้น
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกในกระถางดินเผาขนาดกลาง ใช้ดินร่วนผสมใบไม้ผุและขุยมะพร้าว
ควรรดน้ำเช้าเย็นในปริมาณเล็กน้อย ไม่ให้ดินแฉะ
ตั้งในที่มีแสงรำไร หรือบริเวณที่มีสแลนกรองแสง 70%
ราคา:
ต้นขนาดเล็ก 80–150 บาท
ต้นใหญ่พร้อมดอก 250–400 บาท
5. ฟิโลเดนดรอน (Philodendron)

ลักษณะและจุดเด่น:
ฟิโลเดนดรอนเป็นไม้ใบเขียวขนาดใหญ่ ให้ฟีลลิ่งแบบสวนเมืองร้อนที่ดูหรูหราและสงบ เหมาะสำหรับตกแต่งห้องนั่งเล่นหรือโถงทางเดินภายในบ้าน มีหลายพันธุ์ทั้งแบบเลื้อยและแบบตั้งโต๊ะ
วิธีการปลูกและดูแล:
ใช้ดินร่วนผสมขุยมะพร้าวหรือใบไม้ผุ ปลูกในกระถางขนาดกลาง
ควรรดน้ำวันเว้นวัน หลีกเลี่ยงน้ำขัง
ใช้ สแลนกันแดด 50% คลุมบริเวณปลูกเพื่อลดความร้อนช่วงกลางวัน
ราคา:
ต้นทั่วไป 120–250 บาท
พันธุ์หายากหรือฟิโลเดนดรอนใบลาย 500–1,500 บาท
6. ยางอินเดีย (Ficus elastica)

ลักษณะและจุดเด่น:
ยางอินเดียมีใบหนาและมันเงา สีเขียวเข้มหรือแดงเข้มตามสายพันธุ์ เป็นต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา สงบ และแข็งแรง เหมาะกับมุมห้องที่ต้องการความโดดเด่น เช่น ห้องรับแขกหรือโถงบ้าน
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกในกระถางขนาด 10–12 นิ้ว ใช้ดินร่วนผสมทรายเพื่อระบายน้ำดี
ตั้งในที่มีแสงครึ่งวัน และควรใช้ กระถางผ้าระบายอากาศ เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทถึงราก
รดน้ำทุก 2–3 วัน
ราคา:
ต้นเล็ก 150–300 บาท
ต้นใหญ่ตกแต่งห้อง 500–900 บาท
7. เฟิร์นบอสตัน (Boston Fern)

ลักษณะและจุดเด่น:
เฟิร์นบอสตันเป็นไม้ใบอ่อนนุ่ม สีเขียวชอุ่ม ฟูแน่นเหมือนพุ่มเมฆ ช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศและดูดซับฝุ่นได้ดี เหมาะกับห้องแอร์หรือห้องนั่งเล่นที่ต้องการความสดชื่นแบบธรรมชาติ
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกในกระถางแขวนหรือกระถางพลาสติก ใช้ดินร่วนผสมขุยมะพร้าว
ต้องรดน้ำสม่ำเสมอให้ดินชุ่มแต่ไม่แฉะ
ตั้งในที่มีแสงรำไรและอากาศถ่ายเทดี
ราคา:
ต้นแขวนขนาดเล็ก 100–150 บาท
ต้นใหญ่แน่นพุ่ม 250–400 บาท
8. มอนสเตอร่า (Monstera deliciosa)

ลักษณะและจุดเด่น:
ต้นไม้ยอดฮิตของยุคนี้ มีเอกลักษณ์คือใบแฉกขาดคล้ายรอยฉีกตามธรรมชาติ ให้บรรยากาศแบบ Tropical ทันสมัยและผ่อนคลาย ช่วยฟอกอากาศและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี เหมาะกับห้องรับแขกหรือระเบียงในบ้านเมืองร้อน
วิธีการปลูกและดูแล:
ใช้ดินร่วนผสมพีทมอสและขุยมะพร้าว รดน้ำวันเว้นวัน
ตั้งในที่มีแสงรำไร ถ้าแดดแรงควรใช้ สแลนกันแดด 60%
สามารถใช้ พลาสติกคลุมดินเกษตร เพื่อเก็บความชื้นและลดการรดน้ำบ่อย
ราคา:
ต้นทั่วไป 250–500 บาท
พันธุ์หายากหรือใบด่าง 1,500–3,000 บาท
9. ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)

ลักษณะและจุดเด่น:
ไม้ประดับที่เป็นทั้งพืชสมุนไพรและพืชฟอกอากาศ มีใบอวบหนาเก็บน้ำได้ดี ปลูกง่าย ทนแล้ง เหมาะกับอากาศร้อนของเมืองไทย และยังมีประโยชน์ในการดูแลผิวพรรณอีกด้วย
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกในดินร่วนผสมทรายเพื่อให้ระบายน้ำดี
ตั้งในที่มีแสงแดดครึ่งวันถึงเต็มวัน
รดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง เพราะไม่ชอบน้ำขัง
ราคา:
ต้นเล็ก 50–100 บาท
ต้นใหญ่พร้อมกระถาง 150–250 บาท
10. เงินไหลมา (Epipremnum pinnatum ‘Cebu Blue’)

ลักษณะและจุดเด่น:
ไม้เลื้อยที่มีใบสีเขียวอมฟ้าเงางาม ปลูกง่าย โตเร็ว และทนต่ออากาศร้อนได้ดี เหมาะกับมุมห้องนั่งเล่นหรือมุมโต๊ะทำงาน ช่วยฟอกอากาศและยังมีความเชื่อว่าช่วยเรียกโชคลาภและความมั่งคั่ง
วิธีการปลูกและดูแล:
ปลูกได้ทั้งในน้ำและในดิน ใช้ดินร่วนผสมขุยมะพร้าว
ตั้งในที่มีแสงรำไรหรือระเบียงบ้าน
หากปลูกกลางแจ้งให้ใช้สแลนกรองแสงบางส่วนเพื่อลดความร้อน
ราคา:
ต้นเล็ก 70–120 บาท
ต้นใหญ่หรือแบบกระถางตกแต่ง 200–400 บาท