-->

🚚จัดส่งฟรี !! เมื่อซื้อสินค้าครบ ฿1000 ขึ้นไป‼🚚

พิเศษ สั่งซื้อสินค้า ฿5000 ขึ้นไป สามารถ ผ่อนชำระบัตรเครดิต
สูงสุด 0% | 10 เดือน !!!

สั่งของได้ ส่งของได้ตามปกติค่ะ ^^

ระบบบำบัดน้ำเสียคืออะไร? ทำไมทุกบ้านและฟาร์มต้องรู้จัก

ในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การอาบน้ำ ซักผ้า ทำอาหาร หรือแม้แต่ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนก่อให้เกิด “น้ำเสีย” ที่หากปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมโดยไม่มีการจัดการที่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบทั้งต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ สุขภาพของชุมชน และระบบนิเวศโดยรวม

การมี ระบบบำบัดน้ำเสีย จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะของโรงงานใหญ่หรือหน่วยงานราชการเท่านั้น แต่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ “ทุกบ้านและฟาร์ม” ควรตระหนัก และเริ่มต้นเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้

ระบบบำบัดน้ำเสีย คืออะไร?

ระบบบำบัดน้ำเสีย คืออะไร?

ระบบบําบัดน้ําเสีย (Waste Water Treatment) คือ กระบวนการกำจัดหรือแปรสภาพสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำใช้แล้ว เช่น ไขมัน เศษอาหาร สารเคมี หรือเชื้อโรค ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์ โดยระบบบำบัดจะช่วยปรับคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ก่อนระบายออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ หรือหมุนเวียนกลับมาใช้งานใหม่ในบางระบบ

ในบริบทของบ้านเรือนทั่วไป น้ำเสียมักเกิดจากกิจกรรมในครัวเรือน เช่น น้ำล้างจาน น้ำจากห้องน้ำ หรือซักผ้า ส่วนในภาคเกษตรและฟาร์ม น้ำเสียอาจมาจากการเลี้ยงสัตว์ ล้างคอก การใช้น้ำยาทำความสะอาด หรือสารตกค้างจากการให้ปุ๋ย/ยา ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องการการจัดการที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น คูคลอง หนองน้ำ หรือแม้แต่แหล่งน้ำใต้ดิน

ระบบบำบัดน้ำเสียมีกี่ประเภท?

ระบบบำบัดน้ำเสียมีกี่ประเภท?

ระบบบำบัดน้ำเสียสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามหลักการทำงาน ซึ่งแต่ละระบบมีความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ ประเภทน้ำเสีย และงบประมาณที่มี โดยทั่วไปสามารถจัดหมวดได้ 6 ระบบหลัก ได้แก่:

1. ระบบบำบัดทางกายภาพ (Physical Treatment)

เป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่สามารถแยกออกได้ด้วยแรง เช่น การกรอง (Screening), การตกตะกอน (Sedimentation) และการแยกไขมัน (Grease Trap) เหมาะสำหรับน้ำเสียจากบ้านหรือร้านอาหาร

2. ระบบบำบัดทางเคมี (Chemical Treatment)

ใช้สารเคมี เช่น ปูนขาว คลอรีน หรือสารเร่งตะกอน เพื่อปรับสมดุล pH หรือฆ่าเชื้อโรค นิยมใช้ในระบบน้ำเสียที่มีสารเคมีเจือปน เช่น ในโรงงานหรือสถานพยาบาล

3. ระบบบำบัดทางชีวภาพ (Biological Treatment)

อาศัยจุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ เช่น ระบบ Activated Sludge หรือระบบบ่อเติมอากาศ เหมาะกับฟาร์ม ปศุสัตว์ หรือชุมชนที่มีพื้นที่เพียงพอ

4. ระบบบ่อบำบัดแบบธรรมชาติ (Natural Treatment)

เช่น บ่อผึ่ง บ่อกรองด้วยพืชน้ำ (Constructed Wetlands) ซึ่งใช้ธรรมชาติช่วยปรับสภาพน้ำ เหมาะกับพื้นที่เกษตรหรือชุมชนที่ต้องการระบบต้นทุนต่ำ

5. ระบบบำบัดแบบรวมศูนย์ (Centralized System)

มักใช้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น หมู่บ้านจัดสรร คอนโด หรือโรงงานหลายแห่งที่รวมระบบบำบัดไว้ที่จุดเดียว เพื่อควบคุมและตรวจสอบคุณภาพได้ง่ายขึ้น

6. ระบบบำบัดแบบกระจาย (Decentralized System)

เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลหรือระบบเกษตรรายย่อย เช่น ถังบำบัดสำเร็จรูป (Septic Tank), ถังเกรอะ-ถังกรอง ช่วยให้จัดการน้ำเสียได้แม้ไม่มีระบบท่อรวม

ทำไมทุกบ้านและฟาร์มควรรู้จักระบบบำบัดน้ำเสีย?

ทำไมทุกบ้านและฟาร์มควรรู้จักระบบบำบัดน้ำเสีย?
  1. ป้องกันมลพิษในชุมชน: น้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดอาจปนเปื้อนแหล่งน้ำดื่ม หรือนำไปสู่การแพร่เชื้อโรคในพื้นที่
  2. ส่งเสริมสุขภาพของคนในบ้านและสัตว์ในฟาร์ม: น้ำเสียจากคอกสัตว์ที่ไม่จัดการ อาจกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย
  3. ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์: ระบบบำบัดที่ดีจะช่วยลดกลิ่นเหม็นจากของเสียหมักหมม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในฟาร์มและร้านอาหาร
  4. เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ: น้ำที่ผ่านระบบบำบัดสามารถนำกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้ ล้างพื้น หรือแม้แต่เข้าสู่ระบบฟาร์มที่ปิดวงจร เช่น ฟาร์มไฮโดรโปนิกส์ หรือฟาร์มอควาโปนิกส์
  5. สอดคล้องกับข้อกฎหมายและมาตรฐานสิ่งแวดล้อม: การมีระบบบำบัดช่วยให้ไม่ผิดกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำทิ้ง และยังแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ระบบบำบัดน้ำเสียจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็น “รากฐาน” ที่จะช่วยให้บ้านสะอาด ฟาร์มปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมดีขึ้นในระยะยาว หากคุณเพิ่งเริ่มต้นวางระบบ หรืออยากปรับปรุงระบบเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาได้เสมอที่

เอกสุวรรณการเกษตร

ผู้เชี่ยวชาญด้าน เกษตรโรงเรือน อุปกรณ์โรงเรือน พลาสติกโรงเรือน พลาสติกปูบ่อ มานานกว่า 30 ปี
เราได้รับความวางใจโดยเกษตรกรทั่วไทย มามากกว่า 100,000 ราย

สารบัญ