พริกขี้หนูสวน เป็นพืชที่มีศักยภาพทางการตลาดสูง เพราะสามารถใช้ได้ทั้งสด แห้ง และแปรรูป อีกทั้งยังมีรสชาติเผ็ดจัด กลิ่นหอมเฉพาะตัว และให้ผลผลิตต่อเนื่องหลายเดือน ด้วยคุณสมบัติที่โตไว ทนร้อน และไม่ต้องใช้พื้นที่มาก พริกขี้หนูสวนจึงเป็นพืชที่เหมาะทั้งกับเกษตรกรรุ่นเก่าและเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นอย่างจริงจัง
ในบทความนี้ เราจะแนะนำ 5 วิธีปลูกพริกขี้หนูสวน แบบละเอียด ครบทุกขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมเมล็ดจนถึงการดูแลเพื่อเก็บผลผลิตได้ยาวนาน
1. เตรียมเมล็ดพันธุ์ให้พร้อม ปลูกแล้วงอกไว โตสวยตั้งแต่ต้น

การเริ่มต้นที่ดีต้องเริ่มจาก เมล็ดพันธุ์คุณภาพ ควรเลือกเมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยเลือกเมล็ดที่สะอาด ไม่มีเชื้อรา และผ่านการคัดสายพันธุ์มาแล้วเพื่อความสม่ำเสมอของต้นและผล
ก่อนเพาะควรแช่เมล็ดใน น้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส ประมาณ 10–15 นาที วิธีนี้ช่วยกระตุ้นกระบวนการงอกด้วยความร้อน จากนั้นห่อเมล็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ แล้ววางไว้ในที่ร่ม 1–2 วัน เมล็ดจะเริ่มแตกยอดรากสีขาวเล็ก ๆ ซึ่งแสดงถึงความพร้อมในการเพาะปลูก
การเตรียมเมล็ดที่ดีจะช่วยให้เมล็ดงอกเร็ว สม่ำเสมอ ลดอัตราการตายของต้นกล้าในระยะเพาะได้มาก
2. เพาะกล้าในถาดหรือถุงปลูก

เมล็ดพริกที่เริ่มงอกแล้วควรนำไปเพาะใน ถาดหลุม หรือถุงดำขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น โดยใช้วัสดุปลูกที่มีคุณสมบัติโปร่ง ระบายอากาศได้ เช่น ดินร่วนซุยผสมกับปุ๋ยคอกเก่าที่ย่อยสลายแล้ว และแกลบดิบในอัตราส่วน 2:1:1
การวางถาดเพาะควรเลือกตำแหน่งที่มีแสงแดดรำไร ไม่ควรให้โดนแดดจัดตรง ๆ ในช่วงแรก ต้นกล้าควรรดน้ำเช้า-เย็นให้พอชุ่ม แต่อย่าให้น้ำขัง เพราะอาจทำให้รากเน่า
เมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 25–30 วัน และมีความสูงประมาณ 10–15 เซนติเมตร รากเริ่มแน่นในถุงเพาะ แสดงว่าแข็งแรงพอสำหรับการย้ายลงแปลงปลูก
3. เตรียมดินให้เหมาะ ดินดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

พริกขี้หนูสวนเป็นพืชที่ชอบแดดจัด และดินที่โปร่ง ระบายน้ำดี การเตรียมแปลงปลูกจึงต้องให้ความสำคัญกับโครงสร้างดิน
ขั้นแรก ให้ไถหรือขุดดินลึกประมาณ 15–20 เซนติเมตร จากนั้นตากดินทิ้งไว้ 5–7 วัน เพื่อลดความชื้นส่วนเกินและฆ่าเชื้อโรคในดิน เช่น เชื้อรา หรือไข่แมลงศัตรูพืช
หลังจากนั้นควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายแล้วลงในดิน ปรับให้มีอินทรียวัตถุในระดับพอเหมาะ แล้วพรวนดินให้ละเอียด
หากเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสน้ำขัง ควร ยกร่องแปลง ให้สูง และอาจใช้ พลาสติกคลุมดิน 2 สี (ดำ/เงิน) เพื่อควบคุมวัชพืช รักษาความชื้น และสะท้อนแสงให้พริกออกผลดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผลพริกสะอาด ไม่ชื้น หรือเปื้อนดิน
4. ย้ายต้นกล้าลงปลูกด้วยระยะที่เหมาะสม

เมื่อเตรียมดินและกล้าเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการย้ายกล้าลงแปลงปลูก การเว้นระยะปลูกที่เหมาะสมจะช่วยให้ต้นพริกได้รับแสงและลมอย่างเพียงพอ ลดปัญหาโรคระบาด และเพิ่มผลผลิตต่อไร่
- แถวเดี่ยว: ระยะห่างระหว่างต้น 50 ซม. และระหว่างแถว 100 ซม.
- แถวคู่: ระยะห่างต้น 50 ซม. แถวห่างกัน 80 ซม. และระหว่างแถวคู่ 120 ซม.
ควรปลูกตอนเย็นเพื่อให้ต้นกล้าได้ปรับตัวโดยไม่ช็อกแดด รดน้ำทันทีหลังปลูก และควรรดทุกวันในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เพื่อกระตุ้นการแตกรากใหม่และตั้งตัว
5. ดูแลต่อเนื่อง บำรุงสม่ำเสมอ เก็บขายได้นานหลายเดือน

การดูแลหลังปลูกเป็นหัวใจของการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ยาวนาน พริกขี้หนูสวนต้องการน้ำสม่ำเสมอ ควรรดน้ำวันละ 1–2 ครั้ง โดยดูจากความชื้นของดิน ถ้าใช้ระบบน้ำหยดจะยิ่งควบคุมได้ดีและประหยัดแรงงาน
ด้านปุ๋ย ควรแบ่งการบำรุงเป็นช่วง:
- ระยะเจริญเติบโตทางใบ: ใช้ปุ๋ยไนโตรเจน เช่น 21-0-0 ทุก 15–20 วัน
- ระยะออกดอก-ติดผล: ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หรือ 13-13-21 และเสริมโพแทสเซียม (0-0-60) เพื่อเร่งสีและขนาดผล
- ควบคู่กับ ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น มูลไก่ หรือมูลค้างคาวเพื่อปรับโครงสร้างดิน
หมั่นกำจัดวัชพืช และเฝ้าระวังศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ หนอนเจาะผล โรครากเน่า หากพบการระบาด ควรใช้สารชีวภาพหรือสารสกัดจากธรรมชาติก่อนสารเคมี เช่น กาวเหลืองดักแมลง, เชื้อบีที, หรือสารสกัดสะเดา