สแลน หรือที่หลายคนเรียกว่า ตาข่ายกรองแสง คืออุปกรณ์สำคัญที่ใช้ป้องกันแดดและควบคุมปริมาณแสงให้เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด การเลือกสแลนที่ถูกต้องช่วยให้พืชเจริญเติบโตดี ใบไม่ไหม้ และให้ผลผลิตเต็มที่ แต่ถ้าเลือกผิดเปอร์เซ็นต์ อาจทำให้พืชได้รับแสงมากเกินไปหรือน้อยเกินไปจนชะงักการเจริญเติบโตได้
คำถามยอดฮิตอย่าง สแลนกี่เปอร์เซ็นต์ดีสำหรับปลูกผัก หรือ สแลนปลูกไม้ดอกควรใช้แบบไหน มีคำตอบชัดเจนในบทความนี้
สแลนคืออะไร และทำงานอย่างไร
สแลน คือ ตาข่ายกรองแสงที่ผลิตจากเส้นใยโพลีเอทิลีน (PE) มีคุณสมบัติยืดหยุ่น แข็งแรง และช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องถึงพืชโดยตรง ทำให้แสงที่ผ่านเข้ามาอ่อนลง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนอย่างประเทศไทย
สแลนมีหลายระดับเปอร์เซ็นต์ เช่น 50% 60% 70% และ 80% หมายถึงปริมาณการกรองแสงที่สแลนสามารถลดได้ ตัวเลขยิ่งสูง แสงที่ผ่านได้ยิ่งน้อย เหมาะกับพืชที่ต้องการร่มเงามาก เช่น เฟิร์นหรือกล้วยไม้ ในทางกลับกัน สแลน 50% เหมาะกับพืชที่ยังต้องการแสงมาก เช่น ผักสวนครัวหรือพืชผล
ประโยชน์ของสแลนในการปลูกพืช
สแลนไม่ได้ช่วยแค่กันแดด แต่ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างที่ทำให้พืชแข็งแรงขึ้นและผลผลิตสวยขึ้น เช่น
- ควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือน
ลดความร้อนสะสมในช่วงกลางวัน ทำให้พืชไม่เหี่ยวและดินไม่แห้งเร็ว - ช่วยให้แสงกระจายตัวทั่วพื้นที่
แสงที่ผ่านสแลนจะอ่อนลงและสม่ำเสมอ พืชแต่ละต้นได้รับแสงเท่ากันมากขึ้น - ลดแรงลมและฝนกระแทก
โดยเฉพาะในฤดูฝน สแลนช่วยป้องกันไม่ให้ใบพืชฉีกขาด - เพิ่มความชื้นในอากาศรอบโรงเรือน
ส่งผลดีต่อพืชที่ต้องการสภาพแวดล้อมชื้น เช่น ไม้ดอกและไม้ประดับ
สรุปเปอร์เซ็นต์สแลนที่เหมาะกับพืชแต่ละประเภท
ประเภทพืช | เปอร์เซ็นต์สแลนที่เหมาะสม | คำอธิบายเพิ่มเติม |
---|---|---|
ผักสวนครัว เช่น คะน้า ผักชี ผักกาด | 50–60% | ต้องการแสงปานกลาง ช่วยให้ใบเขียวเข้ม โตเร็ว ไม่ชะงัก |
ไม้ดอก เช่น กล้วยไม้ หน้าวัว เบญจมาศ | 60–70% | ต้องการร่มเงาเล็กน้อยเพื่อคงสีและความสดของดอก |
ไม้ประดับร่มรื่น เช่น เฟิร์น เดหลี พลูด่าง | 70–80% | เหมาะกับแสงรำไร ไม่ทนแดดจัด |
พืชผล เช่น พริก มะเขือ มะละกอ | 40–50% | ต้องการแสงมากเพื่อให้ติดดอกและผล แต่ควรกรองความร้อนบางส่วน |
พืชเพาะกล้า โรงเรือนเพาะชำ | 70–80% | ต้นกล้าอ่อนต้องการร่มเงา ป้องกันการคายน้ำและแสงแรงเกินไป |
สีของสแลนกับผลต่อการปลูก
สแลนไม่ได้ต่างกันแค่เปอร์เซ็นต์การกรองแสง แต่ “สีของสแลน” ก็มีผลเช่นกัน
- สแลนสีดำ เหมาะกับพืชทั่วไป ให้ร่มเงาดีและทนแดด
- สแลนสีเขียว ช่วยลดอุณหภูมิและให้แสงอ่อนนุ่ม เหมาะกับพืชใบอ่อนหรือพืชที่ปลูกในพื้นที่ร้อน
- สแลนสีเงินหรือเทา ช่วยสะท้อนแสง เหมาะกับโรงเรือนเปิดโล่งหรือพื้นที่แดดแรงตลอดวัน
- สแลนสีฟ้า ช่วยกระจายแสงให้สม่ำเสมอ เหมาะกับไม้ดอกบางชนิดที่ต้องการแสงเฉพาะทิศทาง
เคล็ดลับเลือกสแลนให้ใช้งานได้นานและคุ้มค่า
- เลือกสแลนที่มีสารป้องกันรังสี UV เพื่อให้เส้นใยไม่กรอบแตกง่ายและใช้งานได้นานกว่า
- เลือกขนาดความกว้างให้พอดีกับพื้นที่ปลูก เพื่อลดการต่อผืนซึ่งทำให้สแลนขาดเร็ว
- เว้นระยะสูงจากพืชประมาณหนึ่งถึงสองเมตร เพื่อให้ลมผ่านได้ดีและลดความชื้นสะสม
- ตรวจสอบความแน่นของเส้นใยก่อนซื้อ สแลนที่แน่นและสม่ำเสมอจะกรองแสงได้คงที่ตลอดอายุการใช้งาน
- เลือกสแลนจากร้านค้าที่ระบุเปอร์เซ็นต์ชัดเจน เพราะสแลนที่ไม่มีมาตรฐานมักกรองแสงได้ไม่ตรงตามที่ระบุ
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการใช้สแลน
- ใช้สแลนเปอร์เซ็นต์สูงเกินไปกับพืชที่ต้องการแสงจัด เช่น พริก หรือมะเขือ ทำให้พืชไม่ติดดอก
- ติดตั้งสแลนแนบกับยอดพืชจนเกินไป ทำให้การระบายอากาศไม่ดีและเกิดเชื้อรา
- ใช้สแลนที่ไม่มีสารกันยูวี ทำให้เสื่อมสภาพไวและเปราะแตกภายในไม่กี่เดือน
สรุปแนวทางเลือกสแลนให้เหมาะกับพืช
การเลือกสแลนให้เหมาะกับพืชเป็นเรื่องที่มีผลต่อทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิต สแลนที่ดีควรเลือกตามชนิดของพืช สภาพอากาศ และตำแหน่งปลูก ถ้าเป็นผักสวนครัวทั่วไป แนะนำสแลน 50–60% แต่ถ้าเป็นไม้ดอกหรือไม้ประดับให้เลือก 70–80% เพื่อป้องกันใบไหม้และช่วยให้พืชดูสดชื่น