-->

🚚จัดส่งฟรี !! เมื่อซื้อสินค้าครบ ฿1000 ขึ้นไป‼🚚

พิเศษ สั่งซื้อสินค้า ฿5000 ขึ้นไป สามารถ ผ่อนชำระบัตรเครดิต
สูงสุด 0% | 10 เดือน !!!

สั่งของได้ ส่งของได้ตามปกติค่ะ ^^

สารบัญ

รู้จัก โรงเรือนข้างบ้าน พร้อมข้อดีและข้อเสีย

โรงเรือนข้างบ้าน คืออะไร

โรงเรือนข้างบ้าน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Attached Greenhouse หรือ Lean-to Greenhouse คือโรงเรือนเพาะปลูกที่สร้างติดกับตัวบ้าน โดยใช้ผนังร่วมกับบ้านหนึ่งด้าน ออกแบบมาเพื่อการปลูกและดูแลพืชภายใต้สภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น และแสงแดด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ระบบสาธารณูปโภคร่วมกับบ้านได้ เช่น น้ำและไฟฟ้า เป็นต้น

ข้อดีของโรงเรือนข้างบ้าน

1. ประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่าย

โรงเรือนข้างบ้านมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงกว่าโรงเรือนแบบแยกเดี่ยว เนื่องจากโรงเรือนข้างบ้านจากสามารถใช้ความร้อนร่วมกับตัวบ้านได้ ในช่วงฤดูหนาว ความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สะสมในโรงเรือนยังสามารถช่วยทำให้บ้านอุ่นขึ้น ช่วยลดค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องทำความร้อน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ระบบน้ำและไฟฟ้าร่วมกับบ้านได้ ไม่ต้องติดตั้งระบบแยกเหมือนโรงเรือนแบบเดี่ยว

2. สะดวกสบายในการดูแล

การมีโรงเรือนติดกับบ้านช่วยให้การดูแลพืชทำได้สะดวกในทุกสภาพอากาศ เพียงเปิดประตูเชื่อมต่อระหว่างบ้านกับโรงเรือนก็สามารถเข้าไปดูแลต้นไม้ได้ทันที โดยเฉพาะในยามค่ำคืนหรือวันที่ฝนตก ทำให้สามารถเฝ้าระวังโรคและแมลงศัตรูพืชได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังสะดวกในการขนย้ายอุปกรณ์ การรดน้ำ และการเก็บเกี่ยวผลผลิต

3. ประหยัดพื้นที่และเพิ่มมูลค่าบ้าน

เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด เพราะใช้พื้นที่น้อยกว่าการสร้างโรงเรือนแยกเดี่ยว อีกทั้งยังประหยัดค่าก่อสร้างเพราะใช้ผนังร่วมกับบ้าน การมีโรงเรือนติดบ้านยังเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบ้าน สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนท่ามกลางต้นไม้ หรือจัดเป็นมุมอ่านหนังสือที่ร่มรื่น

4. สร้างบรรยากาศและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โรงเรือนข้างบ้านช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่น เขียวชอุ่มให้กับที่อยู่อาศัย สามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิดทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และพืชสวนครัว ทำให้มีผักปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือน อีกทั้งยังเป็นงานอดิเรกที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี

5. ควบคุมสภาพแวดล้อมของบ้านได้ดีขึ้น

การที่โรงเรือนติดกับบ้านช่วยให้ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ง่ายกว่าโรงเรือนแบบเดี่ยว สามารถปรับอุณหภูมิและความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการปลูกพืชที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หรือพืชที่ไม่ทนต่อสภาพอากาศภายนอก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันพืชจากภัยธรรมชาติ เช่น ลมพายุ ฝนตกหนัก หรือแสงแดดที่รุนแรงเกินไป

6. เป็นพื้นที่อเนกประสงค์

นอกจากใช้ปลูกพืชแล้ว โรงเรือนข้างบ้านยังสามารถดัดแปลงเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ได้ เช่น มุมนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือพื้นที่จัดงานสังสรรค์เล็กๆ ในบรรยากาศธรรมชาติ สามารถติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ เช่น เก้าอี้ชิงช้า โต๊ะกาแฟ หรือเปลญวน เพื่อสร้างพื้นที่พักผ่อนที่มีเอกลักษณ์

ข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนสร้าง

1. กฎระเบียบการก่อสร้างที่เข้มงวด

เนื่องจากเป็นโครงสร้างที่ติดกับที่อยู่อาศัย จึงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด หากคุณอยู่ในหมู่บ้านซึ่งนิติบุคคลเข้มงวดในการต่อเติมแบบ้าน นั่นอาจเป็นปัญหาใหญ่ที่คุณอาจกำลังละเมิดกฎเกณฑ์ของหมู่บ้านอยู่ เนื่องจากโรงเรือนข้างตัวบ้านนั้นต้องมีการเทฐานรากที่แข็งแรงเช่นเดียวกับตัวบ้าน และอาจติดปัญหาด้านข้อจำกัดของกฎหมายที่บังคับใช้อยู่

2. ข้อจำกัดด้านแสงธรรมชาติ

การสร้างโรงเรือนติดกับบ้านทำให้มีผนังโปร่งแสงเพียงสามด้าน ต่างจากโรงเรือนแบบแยกเดี่ยวที่รับแสงได้ทั้งสี่ด้าน นอกจากนี้ ตำแหน่งที่สร้างอาจไม่ได้รับแสงแดดที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากต้องสร้างทางทิศเหนือของบ้าน

3. การที่ต้องจัดการกับแมลงและศัตรูพืช

การที่โรงเรือนอยู่ติดกับบ้านอาจทำให้แมลงและศัตรูพืชเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายขึ้น จำเป็นต้องติดตั้งมุ้งลวดที่แน่นหนาและหมั่นตรวจสอบปัญหาแมลงศัตรูพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

4. การรับมือกับสภาพอากาศที่ยากจะคาดเดา

โครงสร้างของโรงเรือนที่ทำจากกระจกหรือพลาสติกอาจเปราะบางต่อสภาพอากาศรุนแรง โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีฝนตกรุนแรงและบ่อยครั้งซึ่งจำเป็นต้องออกแบบหลังคาให้มีความลาดเอียงเพียงพอเพื่อป้องกันการรั่วซึม และการควบแน่นของไอน้ำ

โรงเรือนข้างบ้านเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้และมีพื้นที่จำกัด แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและการออกแบบที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างพื้นที่สีเขียวที่สวยงามและมีประโยชน์ติดกับบ้านได้

วิธีสร้างโรงเรือนข้างบ้าน

การสร้างโรงเรือนข้างบ้านอาจดูเป็นงานที่ท้าทาย แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและคำแนะนำที่เหมาะสม คุณสามารถสร้างพื้นที่สีเขียวสำหรับปลูกพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวางแผนและออกแบบ

การเริ่มต้นที่ดีควรพิจารณาปัจจัยสำคัญต่างๆ อย่างรอบคอบ เริ่มจากการกำหนดขนาดของโรงเรือนให้เหมาะกับพื้นที่และประเภทของพืชที่ต้องการปลูก รวมถึงแผนการทำสวนในระยะยาว การเลือกตำแหน่งที่ตั้งควรคำนึงถึงทิศทางแสงแดด โดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีแสงแดดจัด ควรเลือกพื้นที่ที่ได้รับแสงเช้าและหลีกเลี่ยงแสงบ่าย หรือมีระบบพรางแสงที่ปรับได้ตามความต้องการ

การเลือกวัสดุ

วัสดุที่ใช้สร้างโรงเรือนมีผลต่อทั้งความสวยงาม ประสิทธิภาพการใช้งาน และอายุการใช้งาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือวัสดุที่จำเป็น อันไก้แก่

  • กระจก: สวยงามแต่ราคาสูง อาจทำให้อุณหภูมิภายในสูงเกินไปในสภาพอากาศร้อน
  • แผ่นโพลีคาร์บอเนตแบบสองชั้น: เหมาะสมกับสภาพอากาศไทย ช่วยกรองแสง UV และมีคุณสมบัติกันความร้อนที่ดี
  • ผ้าใบหรือสแลนกันแดด: ทางเลือกที่ประหยัดและเหมาะกับการปรับใช้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด

ขั้นตอนการก่อสร้าง

  1. การเตรียมฐานราก: เทฐานคอนกรีตให้แข็งแรงและได้ระดับ ควรยกพื้นสูงกว่าระดับดินเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
  2. การสร้างโครงสร้าง: เลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น เหล็กชุบกัลวาไนซ์หรือไม้เนื้อแข็งที่ผ่านการอบ ยึดติดกับตัวบ้านอย่างแน่นหนา
  3. การทำหลังคา: ออกแบบให้มีความลาดเอียงเพียงพอสำหรับการระบายน้ำฝน และอาจติดตั้งรางน้ำเพื่อนำน้ำฝนไปใช้ประโยชน์
  4. การติดตั้งระบบระบายอากาศ: สำคัญมากในสภาพอากาศร้อนชื้น ควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศและช่องเปิดที่เพียงพอ เพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
  5. การติดตั้งระบบน้ำ: วางระบบน้ำหยดหรือสปริงเกลอร์ให้ทั่วถึง อาจติดตั้งระบบตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติ
  6. การจัดพื้นที่ใช้สอย: จัดวางชั้นวางต้นไม้ โต๊ะทำงาน และพื้นที่พักผ่อนให้เหมาะสมกับการใช้งาน

โรงเรือนข้างบ้านเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้และมีพื้นที่จำกัด แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและการออกแบบที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างพื้นที่สีเขียวที่สวยงามและมีประโยชน์ติดกับบ้านได้