หลายคนอาจคิดว่าการเลือก พลาสติกโรงเรือน ควรดูเพียงความหนา ความทนทาน หรือคุณสมบัติพิเศษ เช่น ป้องกันรังสี UV หรือเคลือบ Anti-drip แต่ในความจริงแล้ว “สีของพลาสติก” เองก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของพืช เพราะแต่ละสีสามารถควบคุมการส่งผ่านแสงและอุณหภูมิในโรงเรือนได้แตกต่างกัน ทำให้พืชตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน หากเลือกสีไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผลผลิตลดลงโดยไม่รู้ตัว
พลาสติกโรงเรือนสีใส

พลาสติกใสเป็นชนิดที่พบมากที่สุดในตลาด สามารถส่งผ่านแสงธรรมชาติได้มากกว่า 85–90% เหมาะกับการปลูกผักใบเขียว ผักสลัด และพืชที่ต้องการการสังเคราะห์แสงสูง ข้อดีของพลาสติกใสคือช่วยเร่งการเจริญเติบโต ทำให้พืชแข็งแรงและโตไว แต่ข้อควรระวังคือในช่วงฤดูร้อน แสงและความร้อนอาจมากเกินไปจนพืชเกิดความเครียด หากจะใช้พลาสติกใสในพื้นที่อากาศร้อน ควรมีระบบระบายอากาศหรือสแลนเสริมเพื่อลดอุณหภูมิ
พลาสติกโรงเรือนสีขาวขุ่น

พลาสติกสีขาวขุ่นหรือกึ่งโปร่งแสง ช่วยกระจายแสงทั่วทั้งโรงเรือน ลดการเกิดเงาและลดความเข้มของแสงตรง ทำให้พืชทุกส่วนได้รับแสงอย่างสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับไม้ดอก เช่น เบญจมาศ กล้วยไม้ และไม้ประดับที่ต้องการสีสันและฟอร์มดอกที่สวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาใบไหม้ในหน้าร้อน ทำให้โรงเรือนมีอุณหภูมิที่เย็นกว่าเมื่อเทียบกับพลาสติกใส
พลาสติกโรงเรือนสีน้ำเงิน

แม้ไม่ใช่สีที่ใช้กันทั่วไป แต่พลาสติกสีน้ำเงินเริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในงานวิจัยและการปลูกพืชที่ต้องการแสงเฉพาะคลื่น พลาสติกสีน้ำเงินสามารถกรองคลื่นแสงบางส่วนและเน้นแสงที่กระตุ้นการสร้างใบและลำต้น ทำให้พืชบางชนิดเติบโตช้าลงแต่มีความแข็งแรงและเนื้อเยื่อแน่นขึ้น จึงเหมาะกับการเพาะกล้าและการปลูกพืชที่ต้องการคุณภาพมากกว่าความเร็วในการเจริญเติบโต
การเลือกสีพลาสติกโรงเรือนให้เหมาะกับสภาพอากาศและชนิดพืช
- หากต้องการ เร่งการเจริญเติบโตของผักใบเขียว ควรเลือกพลาสติกใสเพื่อให้พืชได้รับแสงเต็มที่
- หากต้องการ ควบคุมคุณภาพไม้ดอกหรือไม้ประดับ พลาสติกสีขาวขุ่นจะช่วยให้แสงกระจายสม่ำเสมอและป้องกันใบไหม้
- หากต้องการ ควบคุมคุณภาพต้นกล้าและการพัฒนาลำต้น พลาสติกสีน้ำเงินอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แม้ยังมีการใช้งานไม่แพร่หลายแต่เหมาะกับเกษตรกรที่ต้องการทดลองเทคโนโลยีใหม่
สรุป
สีของ พลาสติกโรงเรือน ไม่ได้มีผลเพียงแค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อการควบคุมแสง อุณหภูมิ และการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง การเลือกสีที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยเพิ่มผลผลิต แต่ยังช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว เกษตรกรควรเลือกสีพลาสติกตามชนิดพืชที่ปลูกและสภาพอากาศของพื้นที่ เพื่อให้โรงเรือนทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ