เคยสงสัยไหมว่า ต้นไม้บางต้นทำไมโตไว ออกผลดี และมีคุณภาพเหมือนต้นแม่เป๊ะ ทั้งที่ไม่ได้ปลูกจากเมล็ด? คำตอบคือพวกเขาใช้ “การทาบกิ่ง” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เกษตรกรและนักเพาะพันธุ์พืชมืออาชีพนิยมใช้กันมายาวนาน การทาบกิ่งไม่ใช่แค่การเอากิ่งมาต่อกันเล่น ๆ แต่เป็นวิธีขยายพันธุ์ที่ทั้งแม่นยำ เร็ว และได้ผลลัพธ์ที่คุมคุณภาพได้จริง ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักการทาบกิ่งแบบเข้าใจง่าย พร้อมข้อดี ข้อเสีย วิธีแยกจากการตอนกิ่ง และตัวอย่างพืชที่เหมาะกับวิธีนี้ทั้งหมด
การทาบกิ่ง คืออะไร?

การทาบกิ่ง คือ วิธีขยายพันธุ์ต้นไม้ที่เอากิ่งของต้นพันธุ์ดีมาทาบไว้กับต้นอีกต้นหนึ่งที่มีระบบรากแข็งแรง เราเรียกต้นที่ให้กิ่งว่า “กิ่งพันธุ์ดี” ส่วนต้นที่มีรากว่า “ต้นตอ” จุดประสงค์ของการทาบกิ่งก็คือให้ได้ต้นไม้ใหม่ที่รวมข้อดีของทั้งสองต้นเข้าด้วยกัน กล่าวคือ ใช้รากที่แข็งแรงจากต้นตอ และใช้คุณภาพของผลผลิตจากกิ่งพันธุ์ดี
ขั้นตอนการทาบกิ่งจะเริ่มจากการเฉือนแผลบนต้นตอให้เป็นรอยเฉียง แล้วเฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้พอดีกัน ก่อนจะนำมาแนบติดกันแล้วพันไว้ด้วยพลาสติกหรือเทป รอเวลาประมาณ 1–2 เดือนจนแผลติดสนิท จึงตัดกิ่งออกจากต้นแม่และย้ายไปปลูกต่อ เป็นเทคนิคที่ใช้มานาน โดยเฉพาะกับไม้ผลที่ต้องการควบคุมพันธุ์ให้ได้เหมือนต้นแม่ทุกประการ เช่น มะม่วงพันธุ์หวาน ทุเรียนพันธุ์เนื้อหนา หรือแม้แต่เฟื่องฟ้าที่ต้องการสีดอกเฉพาะ
ทำไมคนปลูกต้นไม้ถึงนิยมทาบกิ่ง

เหตุผลหลักที่ทำให้การทาบกิ่งเป็นที่นิยมก็คือ เราสามารถควบคุมลักษณะของต้นใหม่ได้ชัดเจน หากต้นแม่ให้ผลหวาน เปลือกบาง ผลดก เราก็เลือกกิ่งจากต้นนั้นมาทาบได้เลย และเมื่อแผลติดกันสำเร็จ ต้นใหม่ก็จะเติบโตจากระบบรากของต้นตอซึ่งมีความแข็งแรง ช่วยให้รอดง่าย โตเร็ว และทนโรคในดินได้ดีกว่าไม้ที่ปลูกจากเมล็ดทั่วไป
อีกอย่างที่หลายคนชอบคือการทาบกิ่งช่วยย่นระยะเวลาให้ต้นไม้เริ่มออกดอกหรือออกผลได้เร็วขึ้นมาก บางชนิดจากที่ต้องรอ 5–6 ปี อาจลดเหลือแค่ 2–3 ปี ก็ได้ผลผลิตแล้ว ยิ่งถ้าใช้ในเชิงการค้า ก็ถือว่าเป็นวิธีที่คุ้มค่าและประหยัดเวลามาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับไม้ที่ขยายพันธุ์ด้วยการตอนหรือปักชำยากได้อีกด้วย
ทาบกิ่งกับตอนกิ่ง ต่างกันยังไง?

คำถามนี้เจอบ่อย เพราะหลายคนคิดว่าเป็นวิธีเดียวกัน จริง ๆ แล้วหลักการต่างกันชัดเจน ในการทาบกิ่ง เราต้องใช้ต้นไม้สองต้น คือ ต้นตอที่มีราก กับกิ่งพันธุ์ดีที่เราต้องการ ส่วนการตอนกิ่ง จะใช้ต้นไม้ต้นเดียว โดยทำให้กิ่งบนต้นเดิมออกรากเอง แล้วจึงค่อยตัดไปปลูก
การตอนกิ่งเหมาะกับไม้ที่ออกรากง่าย เช่น มะนาว ฝรั่ง ชมพู่ และทำง่ายกว่ามาก ไม่ต้องใช้ต้นตอให้ยุ่งยาก แต่ข้อเสียคือรากที่ได้มักไม่แข็งแรงเท่าการทาบกิ่ง และบางชนิดก็ตอนยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นถ้าต้องการควบคุมพันธุ์ไม้ให้ได้ตรงตามต้องการ พร้อมทั้งได้รากที่ทนทานกว่า การทาบกิ่งจะเป็นทางเลือกที่มืออาชีพนิยมใช้
พืชแบบไหนที่ควรใช้วิธีทาบกิ่ง
การทาบกิ่งมักใช้กับไม้ผลหรือไม้ประดับที่ต้องการความแน่นอนของพันธุ์ เช่น มะม่วง ทุเรียน ลำไย ส้ม ขนุน หรือแม้แต่ไม้ดอกอย่างกุหลาบ เฟื่องฟ้า หรือชวนชม โดยเฉพาะกรณีที่ต้นไม้เหล่านี้มีมูลค่าสูง หรือต้องการให้มีคุณภาพใกล้เคียงกันทุกต้น เช่น ใช้ในสวนเพื่อจำหน่าย หรือปลูกประดับในบ้านให้ได้สีดอกตามที่ตั้งใจไว้
บางครั้งเกษตรกรยังใช้การทาบกิ่งเพื่อเปลี่ยนสายพันธุ์บนต้นเดิม เช่น ถ้าปลูกมะม่วงพันธุ์หนึ่งแล้วตลาดไม่ต้องการ ก็สามารถใช้กิ่งจากพันธุ์ที่ขายดีมาทาบกับต้นเดิมได้เลยโดยไม่ต้องตัดต้นทิ้ง ทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุนการปลูกไปได้มาก และยังใช้เทคนิคนี้สร้างไม้ตกแต่งพิเศษ เช่น ต้นเดียวมีหลายพันธุ์ หรือหลายสีในต้นเดียวก็ได้เช่นกัน
ทาบกิ่งให้ติด ต้องรู้อะไรบ้าง
แม้จะดูไม่ซับซ้อน แต่การทาบกิ่งให้สำเร็จต้องอาศัยทั้งเทคนิคและเวลา ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเยื่อเจริญของต้นตอกับกิ่งพันธุ์สัมผัสกันอย่างแนบสนิท ถ้าเฉือนไม่พอดี หรือแผลแห้งไวเกินไป จะทำให้ไม่ติด การเลือกช่วงเวลาที่อากาศชื้น เช่น ปลายฤดูฝน ก็ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จได้ เพราะความชื้นช่วยให้เนื้อเยื่อเชื่อมกันง่ายขึ้น
นอกจากนั้นยังต้องเลือกต้นตอที่สมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป และไม่เป็นโรค รวมถึงต้องหมั่นสังเกตแผล ไม่ให้มีเชื้อรา หรือแมลงเข้าแผล เพราะหากปล่อยไว้ อาจเสียทั้งต้นตอและกิ่งพันธุ์ดีไปพร้อมกัน คนเริ่มต้นควรฝึกกับพืชที่ทาบง่ายก่อน เช่น มะละกอ หรือชมพู่ แล้วค่อยพัฒนาไปสู่ไม้ผลพันธุ์ยากขึ้นในภายหลัง