-->

🚚จัดส่งฟรี !! เมื่อซื้อสินค้าครบ ฿1000 ขึ้นไป‼🚚

พิเศษ สั่งซื้อสินค้า ฿5000 ขึ้นไป สามารถ ผ่อนชำระบัตรเครดิต
สูงสุด 0% | 10 เดือน !!!

สั่งของได้ ส่งของได้ตามปกติค่ะ ^^

วิธีเลือกพลาสติกปูบ่อ พร้อมวิธีคำนวณความหนา

การทำบ่อเลี้ยงปลา บ่อกุ้ง หรือบ่อกักเก็บน้ำให้ได้ผลดี ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่พันธุ์สัตว์น้ำหรือระบบน้ำเท่านั้น แต่เริ่มตั้งแต่ฐานของบ่ออย่างพลาสติกปูบ่อ หากเลือกผิดตั้งแต่แรก ปัญหารั่วซึม น้ำเสีย หรือค่าใช้จ่ายซ่อมแซมจะตามมาแบบไม่รู้จบ ในวันนี้ เอกสุวรรณการเกษตร ในบทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีเลือกพลาสติกปูบ่ออย่างถูกต้อง พร้อมแนวคิดการคำนวณความหนาให้เหมาะกับบ่อของคุณจริง ไม่ใช่แค่หนาที่คนอื่นบอกว่าดีกันครับ

พลาสติกปูบ่อ คืออะไร?

พลาสติกปูบ่อ คือแผ่นวัสดุกันน้ำที่ออกแบบมาเพื่อปูรองพื้นและผนังบ่อ ทำหน้าที่ป้องกันการซึมน้ำลงดิน ควบคุมคุณภาพน้ำ และแยกระบบบ่อออกจากสภาพดินเดิมโดยสิ้นเชิง หัวใจของพลาสติกปูบ่อไม่ใช่แค่กันน้ำแต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้สำหรับการเลี้ยงหรือกักเก็บน้ำ วัสดุชนิดนี้จึงถูกใช้ตั้งแต่งานเกษตรพื้นฐานไปจนถึงงานเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่

ความสำคัญของพลาสติกปูบ่อ

เหตุผลที่เกษตรกรจำนวนมากมักใช้พลาสติกปูบ่อ ไม่ใช่เพราะความสะดวกอย่างเดียว แต่เพราะต้นทุนระยะยาวต่ำกว่าอย่างชัดเจน พลาสติกปูบ่อช่วยลดการสูญเสียน้ำ ลดปัญหาน้ำขุ่นจากดิน ลดเชื้อโรคสะสม และทำให้การจัดการบ่อเป็นระบบมากขึ้น บ่อที่ปูพลาสติกอย่างถูกต้องจะควบคุมคุณภาพน้ำได้ง่ายกว่าและให้ผลผลิตสม่ำเสมอกว่า โดยเฉพาะในงานเลี้ยงสัตว์น้ำเชิงพาณิชย์ที่ความเสถียรคือกำไร

ประเภทของพลาสติกปูบ่อ

แม้หลายคนจะเรียกรวมว่าพลาสติกปูบ่อเหมือนกันทั้งหมด แต่ในความจริง วัสดุและคุณสมบัติแตกต่างกันมาก การเข้าใจชนิดของพลาสติกก่อนเลือกใช้งาน จะช่วยลดทั้งความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งเราแบ่ง ประเภทของพลาสติกปูบ่อได้เป็น 3 ประเภทที่มักมีจำหน่ายในปัจจุบัน ได้แก่

1. พลาสติกปูบ่อน้ำ PE

พลาสติกปูบ่อ PE เกรด A คือ วัสดุที่ถูกพัฒนามาเพื่องานเกษตรโดยเฉพาะ ผลิตจากพลาสติก LDPE คุณภาพสูงที่มีความเหนียวและยืดหยุ่นดี ทนแรงกดทับจากน้ำและแรงฉีกขาดจากพื้นบ่อได้จริง จุดเด่นคือการผสมสารกันแสงแดดที่ช่วยลดการเสื่อมสภาพจาก UV และ Infrared ทำให้ไม่แตกกรอบง่ายแม้ใช้งานกลางแจ้ง อีกทั้งยังปลอดภัยต่อสัตว์น้ำ ไม่ปล่อยสารพิษปนเปื้อนในน้ำ เหมาะกับบ่อเลี้ยงปลา บ่อกุ้ง และบ่อน้ำเกษตรที่ต้องการความคุ้มค่าในระยะยาว

2. พลาสติกปูบ่อ PVC

พลาสติกปูบ่อ PVC เป็นแผ่นพลาสติกที่มีโครงสร้างแน่น ให้ผิวเรียบ และกันน้ำซึมได้ดี เหมาะกับงานที่ต้องการความเรียบร้อยและความหนาแน่นของวัสดุ มีให้เลือกหลายความหนาตั้งแต่ 0.15mm ไปจนถึง 0.50mm และหลายสีตามลักษณะการใช้งาน ความหนาของ PVC เป็นตัวแปรสำคัญหากเป็นบ่อถาวรหรือบ่อขนาดใหญ่ควรเลือกตั้งแต่ 0.30mm ขึ้นไปเพื่อป้องกันการรั่วซึมในระยะยาว พลาสติกชนิดนี้จึงถูกใช้ทั้งในบ่อปลา สระน้ำ และบ่อพักน้ำที่ต้องการความมั่นคง

3. พลาสติกปูบ่อ PE

พลาสติกปูบ่อ PE อีกกลุ่มหนึ่งคือโพลีเอทิลีนที่ออกแบบมาให้ยืดหยุ่นสูงและทนต่อสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย เหมาะกับบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อกักเก็บน้ำ และระบบปลูกพืชแบบใช้น้ำ เช่น ไฮโดรโพนิกส์ คุณสมบัติที่สำคัญคือไม่แตกกรอบง่ายแม้เจอแดดและความชื้นต่อเนื่อง ช่วยรักษาอุณหภูมิน้ำให้เสถียร ลดความเครียดของสัตว์น้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโดยรวม

วิธีคำนวณความหนาพลาสติกปูบ่อให้เหมาะกับบ่อคุณ

การเลือกความหนาพลาสติกปูบ่อที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องคิดให้ครบ เพราะ ความหนาที่เหมาะคือความหนาที่รับแรงดันน้ำได้พอทนพื้นบ่อได้จริงและใช้งานได้นานตามที่ตั้งใจ ถ้าบางเกินไปจะรั่วเร็ว ถ้าหนามากเกินไปก็เสียเงินโดยไม่จำเป็น

ดังนั้น พื้นฐานที่สุดให้เริ่มคิดจากความลึกของบ่อก่อน เพราะแรงดันน้ำเพิ่มตามความลึกเสมอ ยิ่งบ่อลึก แรงกดที่ก้นบ่อและผนังบ่อก็ยิ่งมาก โดยจำง่ายๆ ว่า ทุกความลึก 1 เมตรแรงดันน้ำจะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นบ่อที่ลึกเกิน 1 เมตรไม่ควรใช้พลาสติกบาง เพื่อให้เอาไปใช้จริงได้ง่าย ให้ใช้สูตรพื้นฐานนี้เป็นตัวช่วยตัดสินใจ ดังนี้

สูตรคำนวณความหนาเบื้องต้น (มิลลิเมตร)
ความหนาแนะนำ = 0.12 + (0.10 × ความลึกบ่อเป็นเมตร)

สูตรนี้ให้ค่าความหนาขั้นต่ำ จากนั้นให้ปรับเพิ่มตามสภาพบ่อจริง เพราะบ่อแต่ละแห่งไม่ได้เหมือนกัน กล่าวคือ

  • ถ้าพื้นบ่อเรียบ มีทรายรอง ไม่มีหินหรือรากไม้ ให้ใช้ค่าที่คำนวณได้เลย
  • ถ้าพื้นบ่อมีกรวด ดินแข็ง หรือปรับพื้นได้ไม่เรียบ ควรเพิ่มความหนาอีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
  • ถ้าเป็นบ่อใช้งานจริงทั้งปี หรือบ่อเชิงพาณิชย์ ควรเพิ่มเผื่อไว้อีกหนึ่งระดับเพื่อความทนทาน
  • ถ้าเป็นบ่อกลางแจ้งโดนแดดตลอดวัน ควรเลือกหนากว่าที่คำนวณอย่างน้อยหนึ่งสเปก

ตัวอย่าง เช่น  ถ้าบ่อลึก 1.5 เมตร ความหนาขั้นต่ำ = 0.12 + (0.10 × 1.5) จะได้ประมาณ 0.27 มิลลิเมตร ซึ่ง ในทางปฏิบัติ ไม่ควรเลือก 0.25 มิลแต่ควรขยับเป็น 0.30 หรือ 0.50 มิล เพื่อให้รับแรงดันจริงและยืดอายุการใช้งาน หรือถ้าอยากจำแบบสั้นที่สุด ให้ใช้แนวคิดนี้ กล่าวคือ บ่อลึกไม่เกิน 1 เมตร งานเบา ใช้ประมาณ 0.15 ถึง 0.20 มิล หรือ บ่อลึก 1 ถึง 1.5 เมตร งานใช้งานจริง ควรเริ่มที่ 0.25 ถึง 0.30 มิล หรือ บ่อลึกเกิน 1.5 เมตร หรือบ่อเชิงพาณิชย์ ควรใช้ 0.30 ถึง 0.50 มิลขึ้นไป

อย่างไรก็ดี สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือผนังบ่อและการดึงตึงของแผ่นพลาสติก บ่อที่ผนังชันหรือพื้นหยาบจะเพิ่มแรงดึงกับแผ่นพลาสติกมากกว่าบ่อพื้นเรียบ แม้บ่อจะไม่ลึกมาก ความหนาที่เหมาะก็ต้องสูงขึ้นตาม สรุปง่ายๆ คือ อย่าเลือกความหนาให้พอดีเป๊ะตามตัวเลข แต่ให้เผื่อเพื่อความปลอดภัย เพราะ การเลือกหนาขึ้นหนึ่งระดับมักถูกกว่าการซ่อมหรือปูใหม่ทั้งบ่อในอนาคตแน่นอนครับ

การสั่งซื้อพลาสติกปูบ่อ

การสั่งซื้อพลาสติกปูบ่อที่ดี ไม่ควรดูแค่ราคา แต่ต้องดูเกรดวัสดุเป็นหลัก พลาสติกปูบ่อเกรด A จะให้ความหนาแน่นของเนื้อพลาสติกจริงตามสเปกไม่บางกว่าที่ระบุและมีสารป้องกันแสงแดดที่เพียงพอ การเลือกผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายที่เชี่ยวชาญงานเกษตรอย่างเอกสุวรรณเกษตร ที่มีการรับประกันสินค้า 100% ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าพลาสติกที่ได้จะใช้งานได้จริงตามที่คาดหวัง ลดความเสี่ยง และช่วยให้บ่อของคุณพร้อมใช้งานในระยะยาวอย่างแท้จริงแน่นอนครับ

Picture of เอกสุวรรณการเกษตร

เอกสุวรรณการเกษตร

ผู้เชี่ยวชาญด้าน เกษตรโรงเรือน อุปกรณ์โรงเรือน พลาสติกโรงเรือน พลาสติกปูบ่อ มานานกว่า 30 ปี
เราได้รับความวางใจโดยเกษตรกรทั่วไทย มามากกว่า 100,000 ราย

สารบัญ