สำหรับใครที่เคยปลูกต้นไม้ด้วยความหวังว่าจะได้ผลผลิตเหมือนต้นแม่ แต่พอเวลาผ่านไปกลับได้รสชาติหรือคุณภาพที่ต่างออกไป คุณอาจยังไม่รู้ว่าการปลูกจากเมล็ดนั้นมีโอกาส “กลายพันธุ์” สูงมาก เพราะ โดยเฉพาะพืชตระกูลไม้ผล เช่น มะม่วง มะนาว ส้ม ลิ้นจี่ หรือฝรั่ง เพราะพันธุกรรมในเมล็ดไม่สามารถถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของต้นแม่มาได้ทั้งหมด
นั่นจึงทำให้ “การตอนกิ่ง” กลายเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่เกษตรกร เพราะนอกจากจะช่วยให้ได้ต้นใหม่ที่เหมือนต้นแม่ 100% แล้ว ยังช่วยย่นเวลาให้ต้นออกรากและออกผลเร็วขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญ เพราะ วิธีนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ใช้วัสดุพื้นฐานไม่กี่อย่างก็เพียงพอ หากคุณเข้าใจหลักการอย่างถูกต้อง และดูแลรอยตอนได้อย่างต่อเนื่อง
ในบทความนี้ เราจะพาคุณเรียนรู้ทุกขั้นตอนของการตอนกิ่งแบบละเอียด ตั้งแต่การเลือกกิ่ง การควั่นเปลือก ขูดเยื่อ ทาฮอร์โมน การใช้วัสดุตุ้มตอน ไปจนถึงการตัดชำปลูกต่อ พร้อมแทรกเทคนิคที่มือใหม่มักพลาด และข้อควรระวังที่คู่แข่งไม่เคยเตือน พร้อมแนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะจาก เอกสุวรรณเกษตร 2001 เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นตอนกิ่งได้อย่างมั่นใจ และได้ผลจริง
การตอนกิ่ง คืออะไร?

การตอนกิ่ง (Air Layering) คือวิธีขยายพันธุ์พืชที่ทำให้กิ่งไม้เกิดรากใหม่ในขณะที่ยังติดอยู่กับต้นแม่ ไม่ต้องใช้เมล็ดหรือต้นตอ ต้นใหม่ที่ได้จะเหมือนต้นแม่ทุกประการ ทั้งรูปร่าง รสชาติ และความแข็งแรง จึงเหมาะกับไม้ผล เช่น มะม่วง มะนาว ส้ม ฝรั่ง หรือไม้ประดับบางชนิด ข้อดีของการตอนคือไม่ต้องลุ้นกลายพันธุ์ ได้ผลผลิตเร็ว ประหยัดต้นทุน และไม่ต้องมีประสบการณ์มากก็ทำได้ เพราะขั้นตอนชัดเจนและวัสดุหาง่าย หลักการของการตอนมาจากธรรมชาติ เช่น กิ่งไม้ที่โน้มสัมผัสดินชื้นแล้วแตกรากได้เอง มนุษย์จึงจำลองสภาพนั้นขึ้น โดยควั่นเปลือก ห่อด้วยวัสดุอุ้มน้ำ เช่น ขุยมะพร้าว แล้วรักษาความชื้นให้ต่อเนื่องจนกิ่งแตกราก
สิ่งที่ต้องใส่ใจคือการควั่นให้ถูกจุด ขูด cambium อย่างเหมาะสม ทาฮอร์โมนเร่งราก และรักษาความชื้นให้พอดี โดยทั่วไปจะใช้เวลา 2–4 สัปดาห์ รากจะแตกรอบแผลและสามารถตัดชำได้ทันที
วิธีการตอนกิ่งด้วยตัวเอง
การตอนกิ่งสามารถทำได้ด้วยมือเปล่าและวัสดุพื้นฐานที่หาได้ง่ายในสวนหรือร้านเกษตรทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์แพงหรือเทคนิคซับซ้อน หากคุณทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างถูกต้อง ก็สามารถขยายพันธุ์ไม้ผลหรือไม้ประดับจากต้นแม่ได้อย่างมั่นใจ
1. เตรียมอุปกรณ์
- มีดคมสำหรับควั่นเปลือกกิ่ง
- ขุยมะพร้าวที่แช่น้ำแล้วบีบหมาด
- ถุงพลาสติกสำหรับห่อตุ้มตอน
- เชือกฟางสำหรับมัด
- ฮอร์โมนเร่งราก (ถ้ามี)
2. เลือกกิ่งที่เหมาะสม
เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน ขนาดประมาณดินสอ อยู่ในแนวตั้ง แข็งแรง ไม่มีโรคหรือแมลงรบกวน
3. ควั่นเปลือก
ใช้มีดควั่นเปลือกกิ่งเป็นวงกลม 2 จุด ห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วกรีดตามแนวตั้งระหว่างรอยควั่นเพื่อให้สามารถลอกเปลือกออกได้
4. ขูดเยื่อเจริญ (Cambium)
ใช้สันมีดขูดเนื้อเยื่อเมือกลื่น ๆ ที่อยู่ใต้เปลือกให้หมด เพื่อให้ต้นไม้รู้ว่าไม่มีการไหลเวียนอาหาร และกระตุ้นให้แตกรากใหม่
5. ทาฮอร์โมนเร่งราก
ถ้ามีฮอร์โมน ให้ทาบาง ๆ บริเวณแผล โดยเฉพาะด้านบนที่รากจะเริ่มงอก
6. หุ้มตุ้มตอน
นำขุยมะพร้าวที่บีบหมาดหุ้มรอบแผล แล้วใช้ถุงพลาสติกคลุมอีกชั้น มัดด้วยเชือกฟางให้แน่นทั้งด้านบนและล่าง
7. รักษาความชื้น
ตรวจสอบตุ้มตอนทุก 3–5 วัน หากไม่มีไอน้ำจับที่ถุง แสดงว่าความชื้นไม่พอ ให้พรมน้ำเพิ่มเล็กน้อย
8. ตัดชำเมื่อต้นแตกราก
หลัง 2–4 สัปดาห์ เมื่อรากเจริญเต็มถุงแล้ว จึงตัดใต้ตุ้มตอนออก นำไปชำในถุงเพาะอีกครั้งก่อนย้ายลงดินจริง การตอนกิ่งด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงเข้าใจหลักการและใส่ใจในแต่ละขั้นตอน คุณก็สามารถเพิ่มจำนวนต้นไม้พันธุ์ดีในสวนของคุณได้อย่างคุ้มค่า
การดูแลหลังการตอนกิ่ง

เมื่อคุณตัดกิ่งตอนออกจากต้นแม่แล้ว สิ่งสำคัญคือการดูแลให้รากที่เพิ่งเจริญใหม่สามารถตั้งตัวได้ดี เพราะแม้ต้นจะมีรากแล้ว แต่รากยังอ่อนและไม่สามารถดูดน้ำหรือสารอาหารได้เต็มที่ หากชำหรือย้ายปลูกอย่างไม่เหมาะสม ต้นไม้ที่ได้อาจไม่รอดหรือเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ
1. การเตรียมวัสดุเพาะชำ ควรใช้ดินร่วนที่ระบายน้ำดี ผสมขุยมะพร้าว แกลบดิบ และอินทรียวัตถุ เช่น มูลวัวหมัก หรือปุ๋ยหมักในอัตราส่วนประมาณ 60:30:10 ใส่ลงในถุงเพาะชำหรือกระถางที่มีรูระบายน้ำที่ฐาน รองก้นถุงด้วยมุ้งหรือเศษใบไม้เพื่อกันดินร่วงและช่วยรักษาระดับความชื้น
2. ตัดแต่งใบและยอดเพื่อลดการคายน้ำ หลังตัดกิ่งตอนออกและแกะถุงพลาสติกออกแล้ว ให้ตัดแต่งใบออกบางส่วน โดยเฉพาะใบใหญ่ที่คายน้ำมาก และหากมีใบอ่อนหรือยอดอ่อนที่ยังไม่จำเป็น ควรตัดออกเพื่อลดภาระการดูดน้ำของรากอ่อนในช่วงแรก
3. วางในที่ร่มและอากาศถ่ายเท ช่วง 5–10 วันแรกควรวางกระถางชำไว้ในที่ร่ม หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหรือฝนสาด เพราะอาจทำให้รากเสียหาย หรือดินชื้นเกินไปจนเกิดโรคโคนเน่าได้ ควรเลือกบริเวณที่มีลมพัดเบา ๆ และไม่ร้อนอบจนเกินไป
4. การรดน้ำ รดน้ำวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้า โดยรดให้ดินชุ่มแต่ไม่แฉะ อย่าให้มีน้ำขังในกระถาง หมั่นตรวจสอบว่าดินแห้งหรือเปียกเกินไปหรือไม่ ถ้าอากาศชื้นหรือฝนตก ควรลดปริมาณการรดน้ำลง
5. การสังเกตอาการฟื้นตัว ภายใน 10–14 วัน หากต้นไม่เหี่ยวเฉา ใบยังเขียว และเริ่มมีการแตกยอดใหม่ แสดงว่ารากสามารถตั้งตัวได้แล้ว หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มแสงและเตรียมย้ายลงแปลงปลูกหรือกระถางใหญ่ต่อไปได้